ก๊กเจ้าพระฝาง เมืองอุตรดิษถ์เป็นก๊กใหญ่ก๊กหนึ่งในห้าก๊กที่ตั้งตัวเป็นอิสระปกครองกันเองในท้องถิ่น
หลังจากกรุงศรีอยุธยาแตกเมื่อ พ.ศ.2310 อีกสี่ก๊กคือ ก๊กเจ้าพิมาย
ก๊กเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ก๊กเจ้าพิษณุโลก และ ก๊กสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
เจ้าพระฝาง มีสถานภาพเป็นพระภิกษุ เหตุไฉนจึงสามารถตั้งก๊กได้
มีประวัติอย่างไร เป็นเรื่องที่ควรแก่การศึกษายิ่ง ผู้เขียนได้สืบหาเจ้าพระฝางจากพระราชพงศาวดาร
ฉบับพระราชหัตถเลขา ซึ่งได้บันทึกไว้ว่า
![]() |
เจ้าพระฝาง จากหนังสือชยันโต |
เจ้าพระฝางเป็นพระสังฆราช
เมืองสวางคบุรี (คือจังหวัดอุตรดิตถ์) เดิมชื่อว่า มหาเรือน ชาติภูมิเป็นชาวเหนือ แต่ลงมาเล่าเรียนพระไตรปิฏก
ณ กรุง ได้สมณศักดิ์ที่พระพากุลเถระ อยู่ ณวัดศรีอโยธยา ภายหลังทรงพระกรุณาโปรดให้ตั้งขึ้นไปเป็นที่พระสังฆราช
ณ เมืองสวางคบุรี มีสมัครพรรคพวกผู้คนนับถือมาก ครั้นรู้ว่ากรุงเสียแก่พม่าแล้ว
จึงซ่องสุมผู้คนเข้าด้วยเป็นหลายเมือง ตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้า แต่หาสึกเป็นคฤหัสถ์ไม่
คงอยู่ในสมณเพศ แต่งนุ่งห่มผ้าแดง (ย้อมด้วยไม้ฝาง) คนทั้งปวงเรียกว่าเจ้าพระฝาง
บรรดาเจ้าเมือง กรมการหัวเมืองฝ่ายเหนือตั้งแต่เหนือเมืองพิษณุโลกขึ้นไป ก็กลัวเกรงนับถืออยู่ในอำนาจทั้งสิ้น
ตั้งแต่เหนือเมืองพิษณุโลกขึ้นไปจนถึงเมืองน้ำปาด
กระทั่งแดนลาวกับแควแม่น้ำปากพิงนั้น เป็นอาณาเขตข้างเจ้าพระฝาง
เจ้าพระฝางแต่งตั้งนายทัพนายกองล้วนแต่เป็นพระสงฆ์ทั้งสิ้น คือ พระครูคิริมานนท์
พระครูเพชรัตน พระอาจารย์จันทร์ พระอาจารย์ทอง พระอาจารย์เกิด
แต่ล้วนเป็นอลัชชีมิได้ละอายแก่บาปทั้งสิ้น
![]() |
กองทัพของก๊กเจ้าพระฝางกำลังเดินทัพ วาดโดยหลวงสุวรรณสิทธิ์(สาย) จากหนังสือชยันโต |
พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขาได้สร้างภาพเจ้าพระฝางให้เป็นอลัชชี
เพราะยังไม่ลาจากสมณเพศก็ออกรบลาฆ่าฟัน ดังมีข้อความตอนหนึ่งว่า “ลุศักราช 1132
ปีขาล โทศก (พ.ศ.2313) ถึง ณ เดือน 6
ฝ่ายเจ้าพระฝางซึ่งเป็นใหญ่ในหัวเมืองฝ่ายเหนือทั้งปวงนั้น ประพฤติพาลทุจริตศีลกรรมลามก
บริโภคสุรา กับทั้งพวกสงฆ์อลัชชี ซึ่งเป็นนายทัพนายกองทั้งปวงนั้น
และชวนกันกระทำมนุษยวิคหฆาฏกกรรมปาราชิก
แล้วยังนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์อยู่หาละจากเพศสมณะไม่
แล้วเกณฑ์กองทัพให้ลงมาลาดตระเวณตีเอาข้าวปลาอาหารและเผาบ้านเรือนราษฎรเสียหลายตำบล
จนถึงเมืองอุทัยธานี เมืองชัยนาท”
ในปลายปีนั้นเอง
กองทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก็สามารถยึดเมืองฝางได้
แม่ทัพนายกองสำคัญที่เคยเป็นพระภิกษุคู่ใจเจ้าพระฝางถูกจับได้เกือบหมด แต่ปรากฏว่า
เจ้าพระฝางได้พาสมัครพรรคพวกหนีออกจากเมืองในเวลากลางคืนไปข้างทิศเหนือ
แล้วเรื่องราวของท่านก็ไม่มีใครบันทึกไว้อีกเลยว่าไปอยู่ ณ ที่ใด มรณะภาพที่ไหน
ข้อมูลจากหนังสือ ชยันโต ฉบับปฐมฤกษ์ เดือน พ.ค. พ.ศ. 2547