พระเจ้าปราสาททอง
(พ.ศ.2173-2198)
พระเจ้าปราสาททอง หรือ สมเด็จพระสรรเพชญที่ 5 หลังจากพระราชพิธีราชาภิเษก ทรงเป็นต้นราชวงศ์ปราสาททอง ได้ปูนบำเหน็จข้าราชการที่มีส่วนช่วยเหลือจนพระองค์ได้ขึ้นครองราชสมบัติ
ส่วนพระอาทิตยวงศ์นั้นทรงพระกรุณาให้อยู่ในพระบรมมหาราชวัง
โดยมีพี่เลี้ยงนางนมคอยดูแล
พระเจ้าปราสาททอง เป็นบุตรพระยาศรีธรรมราช
ผู้เป็นพี่ชายของพระชนนีพระเจ้าทรงธรรม พระนามเดิมคือ พระองค์ไล
เกิดในรัชกาลสมเด็จพระนเรศวร ครั้นถึงแผ่นดินสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงชุบเลี้ยงให้เป็นมหาดเล็ก
รับราชการใกล้ชิดพระองค์แต่ยังเด็ก พออายุได้ 14 ปี ก็ทรงตั้งเป็นหุ้มแพร อายุ 17
ได้เลื่อนเป็นจมื่นศรีสรรักษ์ หัวหมื่นมหาดเล็ก
จมื่นศรีฯ เป็นคนฉลาดและใจคอกล้าหาญ
แต่ชอบไปข้างทางนักเลง มักวิวาทกับพวกพระยาแรกนาอยู่เสมอ สมเด็จพระเอกาทศรถทรงพิโรธ
ดำรัสสั่งให้ข้าหลวงไปเอาตัว แต่จมื่นศรีฯ ซ่อนตัวอยู่ในวัดไม่ได้ตัวมาถวาย
สมเด็จพระเอกาทศรถรับสั่งให้เอาพระยาศรีธรรมาธิราชผู้เป็นบิดามาขังเป็นตัวจำนำ
จมื่นศรีฯ จึงเข้ามาสารภาพ มีรับสั่งให้จำไว้ 5 เดือน เจ้าขรัวมณีจันทร์
ซึ่งเป็นพระชายาของสมเด็จพระนเรศวรทูลขอโทษ
จึงโปรดให้พ้นโทษออกมารับราชการตามเดิมจนตลอดรัชกาล ครั้นพระเจ้าทรงธรรมเสด็จผ่านพิภพ จึงทรงเลื่อนจมื่นศรีฯ ขึ้นเป็นพระยาศรีวรวงศ์
ตำแหน่งจางวางมหาดเล็ก
![]() |
พระเจ้าปราสาททอง |
พระเจ้าปราสาททอง
ได้สถาปนาลูกชายคนโต ชื่อ อิน ซึ่งเกิดก่อนจะได้เป็นกษัตริย์ เกิดจากภรรยาเดิมชื่อ
บัวชุม ขึ้นเป็นเจ้า มีพระนามว่า เจ้าฟ้าชัย และมีน้องชายต่างมารดาอยู่คนหนึ่งชื่อ
นายอ่ำ ทรงยกขึ้นให้เป็นเจ้า มีพระนามว่า พระศรีสุธรรมราชา
ให้ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมวัดสุทธาวาส
ต่อมาโปรดให้สร้างวัดขึ้นเพื่อเป็นพระราชกุศลแห่งพระราชมารดา
แล้วพระราชทานนามวัดนั้นว่า วัดไชยวัฒนาราม
ในรัชสมัยของพระเจ้าปราสาททอง
ทรงสร้างพระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์มหาปราสาท พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ ณ
เกาะบางนางอิน และวัดชุมพลนิกายาราม ในรัชกาลนี้ไม่มีศึกสงครามมาประชิด
หลังจากครองราชย์
พระมหาเทวีประสูติพระราชโอรสพระองค์หนึ่ง พระญาติวงศ์หลายคนเหลือบเห็นเป็นสี่กร
แล้วกลับเห็นเป็นสองกรตามปกติ พระเจ้าปราสาททองเห็นเป็นมหัศจรรย์
ก็พระราชทานนามว่า พระนารายณ์ราชกุมาร
วันหนึ่งกลางพรรษา
พระเจ้าปราสาททองเสด็จไปนมัสการพระพุทธปฏิมากร ณ วัดพระศรีสรรเพชญ ทอดพระเนตรเห็นพระอาทิตยวงศ์
ราชบุตรพระเจ้าทรงธรรม ซึ่งพระองค์ยกออกจากราชสมบัติ
ขึ้นนั่งห้อยเท้าอยู่บนหลังกำแพงแก้ว จึงชี้พระหัตถ์ตรัสว่า ทำตัวทะนง
องอาจนักที่ไม่ยอมลงจากกำแพงแก้วยามพระองค์เสด็จผ่าน จึงให้ถอดออกเสียจากฐานันดรศักดิ์
แล้วมีรับสั่งให้ไปปลูกเรือนที่ริมวัดท่าทราย ให้ อาทิตยวงศ์ อยู่
ให้คนอยู่ด้วยสองคน แต่พอหุงข้าว ตักน้ำ สั่งเสร็จแล้วจึงเสด็จเข้าพระราชวัง
หลังจากถูกถอดออกจากฐานันดรศักดิ์
พระอาทิตยวงศ์มีอายุได้ 17 ปี ได้คบคิดกับขุนนางเก่า ครั้นรวบรวมพรรคพวกได้ประมาณ
200 คนเศษ เช้าตรู่วันหนึ่งได้กรูกันเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง แต่ถูกจับได้ทั้งหมด
ไต่สวนแล้วสั่งให้นำตัวไปประหารชีวิตเสียสิ้น
สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงพระประชวรหนัก
แปรสถานลงไปอยู่พระที่นั่งเบญจรัตน ทรงพระกรุณามอบราชสมบัติ และ พระแสงขรรค์ชัยศรี
ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าชัย ได้ 3 วัน ก็เสด็จสวรรคต เมื่อ พ.ศ.2198
รวมอยู่ในราชสมบัติ 25 ปี พระชนมายุ 63 พรรษา
(ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
(ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น