วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

พระยาศรีไสยณรงค์ (ตอนจบ)

   
สมเด็จพระเอกาทศรถ จากสยามดารา (ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช)
        เพลารุ่งแล้วนาฬิกาหนึ่ง สมเด็จพระเอกาทศรถทรงเครื่องอลังการสำหรับพิชัยยุทธ์ เสด็จทรงช้างพระที่นั่งเจ้าพระยาปราบไตรจักร พร้อมท้าวพระยาไพร่พลทวยหาญ กรีธาพลเลียบเมืองดูท่วงทีซึ่งจะให้ทหารเข้าปีนเมือง ฝ่ายพระยาตะนาวศรีออกมายืนถือหอก กั้นสัปทนอยู่บนเชิงเทิน แลเห็นพลสมเด็จพระเอกาทศรถ พระอนุชาธิราชเจ้าดุจคลื่นมหาสมุทร กระทั่งเสียงปี่กลองแตรสังข์ก็ตกใจตะลึงไปจนหอกพลัดหลุดมือมิรู้ตัว บ่าวไพร่เห็นเช่นนั้นก็เสียขวัญ พูดกันต่อ ๆ ไปว่า นายเราเห็นจะป้องกันเมืองไว้ไม่ได้
     ครั้นเพลายามสามสมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จขึ้นเกยคอยฤกษ์ พอล่วงสามยามเจ็ดบาท พระบรมสารีริกธาตุใหญ่เท่าผลส้มเกลี้ยงเสด็จผ่านแต่ทิศอุดรเฉียงไปอาคเนย์ พระรัศมีสว่างไปทั่วทั้งอากาศ และปฐพีดล ก็ทรงโสมนัสถวายทศนัขสโมทานเหนือศิโรตม์ด้วยปัญจางคประดิษฐ์ แล้วสั่งประโคมแตรสังข์ดุริยดนตรีปี่พาทย์ฆ้องชัยในทันที ให้ฝรั่งแม่นปืนจุดจ่ารงค์เป็นสำคัญ ทหารก็เอาบันไดพาดกำแพงปีนเข้าเมืองได้ พอเพลารุ่งก็คุมเอาตัวพระยาตะนาวศรีมาถวายยังค่ายหลวง สมเด็จพระเอกาทศรถให้ลงพระอาญาเฆี่ยนยกหนึ่งสามสิบที แล้วบอกข้อราชการเข้ามายังกรุงศรีอยุธยา
     สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าทรงมีพระทัยปรีดาจึงทรงพระมหากรุณาให้มีตราตอบไปว่า อย่าให้เข้ามาเลย ให้ตระเวนแล้วตัดศีรษะเสียบประจานไว้อย่าให้ผู้ใดเอาเยี่ยงอย่าง และให้พระยาราชฤทธานนท์เป็นพระยาตะนาวศรี สมเด็จพระเอกาทศรถก็ตรัสตามพระราชบัญชาแห่งสมเด็จพระเชษฐาธิราชนั้นทุกประการ

จากหนังสือสานรอยบาทมหาราชพระองค์ดำ โดยลิงลมดำ






















วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

พระยาศรีไสยณรงค์น้อยใจ "กบฏ"

พระยาศรีไสยณรงค์จาก ok nation (จากภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช)
     
     ครั้นวันอังคาร ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 5 ปีจอ จุลศักราช 960 พระพุทธศักราช 2141 กรมการเมืองกุยบุรีมีใบบอกเข้ามาว่า พระยาศรีไสยณรงค์ซึ่งให้ไปรั้งเมืองตะนาวศรีเป็นกบฏ เจ้าพระยาโกษาธิบดีกราบบังคมทูลนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังคงแคลงพระทัยอยู่ ด้วยเคยช่วยงานพระราชสงครามสนองเบื้องยุคลบาทแต่ยังเป็นที่พระศรีถมอรัตน์ รบเคียงคู่พระชัยบุรีด้วยช้างเร็วม้าเร็วซุ่มตีทัพละแวกแตกที่ดงพระยากลางแต่ปีพระพุทธศักราช 2123 ครั้งแผ่นดินสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่1 สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงมหาธรรมราชาธิราช กระทั่งได้รับอวยยศเป็นพระยาศรีไสยณรงค์แม่ทัพหน้าคราวมหาสงครามยุทธหัตถี อาจเป็นด้วยน้อยใจที่พระราชมนูขุนศึกนเรศวร คนรุ่นหลังที่เพิ่งจะรับราชการงานสงครามครั้งสำคัญที่ปากน้ำพุทราเมื่อปีพระพุทธศักราช 2129 แต่กลับได้รับพระราชทานยศข้ามไปถึงชั้นเจ้าพระยา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้มีตราออกไปหาตัว แต่พระยาศรีไสยณรงค์ก็มิเข้ามา จึงตรัสให้สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้าเสด็จนำทัพออกไป และสมเด็จพระเอกาทศรถพระอนุชาธิราชเจ้าเสด็จนำทัพออกไป
     และ สมเด็จพระเอกาทศรถพระอนุชาธิราชเจ้าเสด็จนำทัพออกไปครั้งนั้นพลสามหมื่น ช้างเครื่องสามร้อย ม้าห้าร้อย เกณฑ์ทัพปักษ์ใต้ เมืองไชยา เมืองชุมพร เมืองคลองวาน เมืองกุย เมืองปราณ เมืองเพชรบุรี หกเมืองเป็นคนหมื่นห้าพันเข้าบรรจบประชุมทัพที่บางสะพานแล้วเคลื่อนออกทางด่านสิงขร เมื่อพระยาตะนาวศรีแจ้งข่าวสมเด็จพระเอกาทศรถยกมาก็เกรงพระเดชานุภาพเป็นอันมาก จะแต่งทัพออกรับก็เหลือกำลัง จะหนีก็หนีไม่พ้น จนด้วยความคิดนิ่งอยู่
     สมเด็จพระเอกาทศรถเมื่อเสด็จถึงตะนาวศรีก็ตรัสสั่งให้ตั้งค่ายล้อมเมืองไว้โดยรอบ แต่ทัพหลวงนั้นตั้งห่างห้าสิบเส้น แล้วมีหนังสือรับสั่งเข้าไปว่า "พระยาตะนาวศรีเป็นข้าหลวงเดิมซื่อสัตย์มั่นคง โดยเสด็จงานพระราชสงคราม ความชอบแต่ครั้งหลังมากมายนัก จึ่งทรงให้กินเมืองตะนาวศรีนี้ดูแลเมืองต่างพระเนตรพระกรรณก็ด้วยเหตุว่าเป็นเมืองหน้าศึก ครั้นจักแต่งผู้อื่นมาอยู่ก็มิวางพระทัย ความข้อนี้ย่อมรู้อยู่แก่ใจ เมื่อมีข่าวไปว่าพระยาตะนาวศรีเป็นกบฏ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มิทรงเชื่อ มีตราออกมาให้หาก็มิไปเข้าเฝ้า เนื้อความจึงมากขึ้น ตรัสให้เราออกมา ก็มีความเมตตาหนักอยู่ พระยาตะนาวศรีผิดแต่เพียงครั้งเดียวดอก ให้ออกมาหาเราในวันนี้เถิด จะกราบทูลขอพระราชทานอภัยโทษไว้ครั้งหนึ่ง" พระยาตะนาวศรีแจ้งดังนั้น จึงคิดว่าเราได้ทำการล่วงเกินผิดถึงเพียงนี้แล้ว หนังสือมาเช่นนี้คงเป็นราชอุบายออกไปก็คงจะตาย ผิดชอบชั่วดีก็จะอยู่สู้ไป ถึงตายก็ให้ปรากฏชื่อไว้ภายหน้า พระยาตะนาวศรีจึงมิได้ออกมา

จากหนังสือสานรอยบาทมหาราชพระองค์ดำ โดยลิงลมดำ ติดตามตอนต่อไป











กรมหลวงโยธาเทพ

กรมหลวงโยธาเทพ ภายหลังออกพระนามว่า สมเด็จพระรูปเจ้า มีพระนามเดิมว่า พระสุดาเทวี (คำให้การชาวกรุงเก่า) หรือ เจ้าฟ้าสุดาวดี (พ.ศ. 2199—2278) เ...