วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2564

กรมหลวงโยธาทิพ

กรมหลวงโยธาทิพ มีพระนามเดิมว่า เจ้าฟ้าศรีสุวรรณ บ้างออกพระนามว่า พระราชกัลยาณี (พ.ศ. 2181–2258) เป็นพระราชธิดาในสมเด็จพระเจ้าปราสาททองและเป็นพระราชขนิษฐาในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายหลังได้เป็นที่พระอัครมเหสีฝ่ายขวาในสมเด็จพระเพทราชา ประสูติการพระราชโอรสพระองค์หนึ่งพระนามเจ้าพระขวัญ พระนาม คำให้การขุนหลวงหาวัด ออกพระนามว่าศรีสุวรรณ หรือนางอุบลเทวี คำให้การชาวกรุงเก่า ออกพระนามว่าอุปละเทวี พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ออกพระนามว่าเจ้าฟ้าทอง หรือพระราชกัลยาณี พระราชประวัติ พระชนม์ชีพตอนต้น กรมหลวงโยธาทิพ มีพระนามเดิมว่าศรีสุวรรณ เป็นพระราชธิดาในสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง และมีพระชนนีองค์เดียวกันกับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช คำให้การชาวกรุงเก่า ระบุว่าพระชนนีของสมเด็จพระนารายณ์ชื่อพระสุริยา ขณะที่ คำให้การขุนหลวงหาวัด ระบุพระนามว่าพระอุบลเทวี ส่วนหม่อมหลวงมานิจ ชุมสาย ระบุว่าพระชนนีเป็นพระราชเทวีชื่อศิริธิดา ในช่วงที่สมเด็จพระนารายณ์และสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาคิดยึดอำนาจสมเด็จเจ้าฟ้าไชย สมเด็จพระนารายณ์ก็ทรงพาพระราชกัลยาณีหนีออกไปด้วยกัน สมบัติ พลายน้อย อธิบายว่ากรมหลวงโยธาทิพน่าจะประสูติในปี พ.ศ. 2181 หย่อนพระชันษากว่าพระเชษฐา 6 ปี และมีพระชันษา 18 ปีเมื่อพระเชษฐาเสวยราชย์ กล่าวกันว่ากรมหลวงโยธาทิพมีพระสิริโฉมงดงามเป็นที่ประจักษ์ ใน พระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน ระบุไว้ว่า "...พระราชกัลยาณีน้องพระนารายณ์ราชนัดดา ทรงพระรูปสิริวิลาสเลิศลักษณะนารี..." หลังการยึดอำนาจจากสมเด็จเจ้าฟ้าไชย ในรัชกาลสมเด็จพระศรีสุธรรมราชา พระเจ้าอาว์ ทรงต้องพระทัยในรูปลักษณ์ของพระราชกัลยาณีและมีพระราชประสงค์จะเสพสังวาส พระราชกัลยาณีไหวตัวทัน ทรงบอกให้เหล่าพระสนมช่วย ทรงซ่อนตัวในตู้พระสมุดแล้วนางสนมให้หามไปยังพระราชวังบวรสถานมงคลที่สมเด็จพระนารายณ์ประทับอยู่ เสด็จขึ้นเข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์ ทรงกันแสงและทูลเรื่องราวทั้งหมด เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ฟังความเช่นนั้นก็ทรงกล่าวด้วยความน้อยพระทัยว่า อนิจจา พระเจ้าอาเรานี้ คิดว่าสมเด็จพระบิตุราชสวรรคตแล้ว ยังแต่พระเจ้าอาก็เหมือนหนึ่งพระบรมราชบิดายังอยู่ จะได้ปกป้องพระราชวงศานุวงศ์สืบไป ควรหรือมาเป็นได้ดังนี้ พระองค์ปราศจากหิริโอตตัปปะแล้ว ไหนจะครองสมบัติเป็นยุติธรรมเล่า น่าที่จะร้อนอกสมณชีพราหมณ์อาณาประชาราษฎรไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินเป็นแท้ จะละไว้มิได้ ด้วยพระองค์ก่อแล้วจำจะสานตามเถิด จะเสี่ยงเอาบารมีเป็นที่พึ่ง หลังจากนั้นสมเด็จพระนารายณ์จึงรวมขุนนางต่อสู้ยึดอำนาจ และสามารถจับกุมสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาได้ จึงนำไปสำเร็จโทษ ณ วัดโคกพระยาตามโบราณราชประเพณี เมื่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสวยราชย์ พระราชกัลยาณีได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นกรมหลวงโยธาทิพ คู่กับเจ้าฟ้าสุดาวดี พระราชธิดา ที่ได้รับการสถาปนาเป็นกรมหลวงโยธาเทพ คู่กัน พระองค์คอยอุปถัมภ์ค้ำชูพระราชอนุชาทั้งสองพระองค์คือเจ้าฟ้าอภัยทศ และเจ้าฟ้าน้อย ทรงสามารถทูลคัดง้างสมเด็จพระนารายณ์มหาราชในกรณีที่ทรงลงทัณฑ์เจ้าฟ้าน้อยเรื่องทำชู้กับพระสนม โดยทรงกล่าวกับสมเด็จพระนารายณ์มหาราชว่า "[อย่าได้มี] พระโทสจริตโดยลงโทษเอาให้ถึงแก่ชีวิตเลย ขอเพียงให้ทรงลงทัณฑ์เสมอที่บิดาทำต่อบุตรเท่านั้นเถิด" ปลายพระชนม์ พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ว่าสมเด็จพระเพทราชาตั้งพระองค์เป็นพระอัครมเหสีซ้าย ส่วน คำให้การชาวกรุงเก่า และ คำให้การขุนหลวงหาวัด ระบุว่าเป็นพระอัครมเหสีฝ่ายขวา (สมัยพระนารายณ์เป็นเจ้า พระเพทราชา น่าจะมีใจต่อพระราชกัลยานีอยู่บ้างนะผมว่า หนังสือศิลปวัฒนธรรมบอกว่าพระเพทราชามีความสุขุมนุ่มลึกเป็นอันมาก ท่านอาจเก็บความรู้สึกนี้ไว้ภายใน ถึงแม้เป็นกษัตริย์แล้ว กว่าจะได้เชยชมพระราชกัลยาณีต้องใช้เวลาหลายวันเพราะแรก ๆ ไม่ทรงยอม แต่ท่านก็ยินดีรอ comment by krisda) มีพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวคือเจ้าพระขวัญ แต่พระราชโอรสพระองค์นี้ก็อยู่ให้ชื่นชมโสมนัสได้ไม่นาน ก็ถูกกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (เดื่อ) ลวงไปสำเร็จโทษ สิ้นพระชนม์ก่อนการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเพทราชาไม่นานนัก กรมหลวงโยธาทิพคงจะโทมนัสและตรอมพระทัยยิ่งนัก ทรงหันเข้าหาพระศาสนาเป็นที่พึ่ง ทรงทูลลาสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 ออกไปตั้งตำหนักใกล้วัดพุทไธสวรรย์ และผนวชเป็นรูปชี กรมหลวงโยธาทิพเสด็จสวรรคตในรูปชี (ในพงศาวดารฉบับพันจันทนุมาศใช้คำว่า เสด็จนิพพาน) ณ พระตำหนักริมวัดพุทไธสวรรย์ในปีมะแมสัปตศก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระทรงโปรดเกล้าฯ ให้ทำพระเมรุมาศ ให้เชิญพระศพขึ้นพระมหาพิชัยราชรถแห่แหนด้วยดุริยางคดนตรีไปถึงพระเมรุมาศ มีการทิ้งทานต้นกัลปพฤกษ์และมีการเล่นมหรสพ พระสงฆ์สดัปกรณ์ 10,000 คำรบสามวัน แล้วถวายพระเพลิง ครั้นดับพระเพลิงแล้วจึงแจงพระรูป พระสงฆ์สดัปกรณ์อีก 100 รูป เก็บพระอัฐิในพระโกศน้อย แห่เข้ามาบรรจุไว้ท้ายจระนำในวิหารใหญ่วัดพระศรีสรรเพชญ์ จากวิกิพีเดียสารานุกรมเสรี ขอขอบคุณมา ณ.ที่นี้ ภาพจากเฟสบุคเพจอยุธยาชุดไทย ขอบคุณมากครับ Compiled by krisda paleeriam

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

กรมหลวงโยธาเทพ

กรมหลวงโยธาเทพ ภายหลังออกพระนามว่า สมเด็จพระรูปเจ้า มีพระนามเดิมว่า พระสุดาเทวี (คำให้การชาวกรุงเก่า) หรือ เจ้าฟ้าสุดาวดี (พ.ศ. 2199—2278) เ...