สมเด็จพระมหินทราธิราช
ครั้งที่ 2 (พ.ศ.2111-2112)
ทัพพม่าล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่หลายเดือน
จนถึงเดือน 5 ก็ยังทำอะไรไม่ได้ แม้ว่าจะมีกำลังมากมายกว่าก็ตาม
เนื่องจากกรุงศรีอยุธยาได้เปรียบทางชัยภูมิ ด้วยมีแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสักขวางอยู่
ส่วนคูเมืองก็กว้างขวาง ทัพพม่าจึงข้ามมาได้ยาก
ประกอบกับทางอยุธยามีพระยารามเจ้าเมืองกำแพงเพชรเก่ามาช่วยบัญชาการรบ
ซึ่งพระยารามมีความสามารถทางการรบมาก จึงสามารถป้องกันเมืองได้อย่างเหนียวแน่น
พระเจ้าบุเรงนองล้อมกรุงศรีอยุธยา
จนถึงเดือน 7 ย่างเข้าสู่ฤดูฝน ก็ยังไม่สามารถตีได้กรุงศรีอยุธยา ทหารล้มตายไปมาก
เสบียงก็ใกล้หมด พระเจ้าบุเรงนองจึงทรงพระวิตกเป็นอย่างมาก
จึงปรึกษากับพระมหาธรรมราชาว่าจะทำอย่างไรดี
พระมหาธรรมราชาจึงวางแผนให้ทางอยุธยาส่งตัวพระยารามมาให้ทางพม่าแล้วจึงจะยอมสงบศึก
เมื่อได้ตัวพยารามแล้ว
กลับบอกว่าต้องให้พระมหินทราธิราชกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ออกมากราบถวายบังคมด้วย
จึงจะรับเป็นพระราชไมตรีด้วย
สมเด็จพระมหินทราธาชเสียพระทัยมากที่ถูกหลอก
แต่ไม่เสียกำลังพระทัย เพราะยังมีแม่ทัพรองลงมา อาสาจะต่อสู้กับกองทัพพม่า พอฤดูฝนมาถึง
กองทัพพม่าก็ยังไม่สามารถเอาชนะกรุงศรีอยุธยาได้ พระเจ้าบุเรงนอง
มีรับสั่งให้พระมหาธรรมราชาเข้าเฝ้า
แล้วคิดอุบายให้เอาพระยาจักรีที่นำไปเป็นตัวประกันในคราวสงครามช้างเผือกเข้าไปเป็นไส้ศึกในกรุงศรีอยุธยา
ทางอยุธยาเสียรู้พม่า จึงตั้งพระยาจักรีเป็นแม่ทัพใหญ่มาบัญชาการรบ
ในที่สุดจึงพ่ายแพ้ต่อกองทัพพม่าในที่สุด เมื่อ วันอาทิตย์ แรม 11 ค่ำ
เดือน 9 ปีมะเส็ง พ.ศ.2112 (พงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ)
พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง
เมื่อได้กรุงศรีอยุธยาแล้วได้กวาดต้อนคนไทยไปเป็นเชลยเป็นจำนวนมาก เหลือไว้ให้อยู่ประจำเมืองเพียง 1
หมื่นคน ส่วนสมเด็จพระมหินทราธิราช และพระมเหสี
ตามเสด็จไปประทับยังกรุงหงสาวดีด้วย แต่สมเด็จพระมหินทราธิราชได้ประชวรหนัก
สวรรคตเสียกลางทาง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น