วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

สมเด็จพระมหินทราธิราชครั้งที่ 2

สมเด็จพระมหินทราธิราช ครั้งที่ 2 (พ.ศ.2111-2112)
          ทัพพม่าล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่หลายเดือน จนถึงเดือน 5 ก็ยังทำอะไรไม่ได้ แม้ว่าจะมีกำลังมากมายกว่าก็ตาม เนื่องจากกรุงศรีอยุธยาได้เปรียบทางชัยภูมิ ด้วยมีแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสักขวางอยู่ ส่วนคูเมืองก็กว้างขวาง ทัพพม่าจึงข้ามมาได้ยาก
     ประกอบกับทางอยุธยามีพระยารามเจ้าเมืองกำแพงเพชรเก่ามาช่วยบัญชาการรบ ซึ่งพระยารามมีความสามารถทางการรบมาก จึงสามารถป้องกันเมืองได้อย่างเหนียวแน่น
     พระเจ้าบุเรงนองล้อมกรุงศรีอยุธยา จนถึงเดือน 7 ย่างเข้าสู่ฤดูฝน ก็ยังไม่สามารถตีได้กรุงศรีอยุธยา ทหารล้มตายไปมาก เสบียงก็ใกล้หมด พระเจ้าบุเรงนองจึงทรงพระวิตกเป็นอย่างมาก จึงปรึกษากับพระมหาธรรมราชาว่าจะทำอย่างไรดี พระมหาธรรมราชาจึงวางแผนให้ทางอยุธยาส่งตัวพระยารามมาให้ทางพม่าแล้วจึงจะยอมสงบศึก เมื่อได้ตัวพยารามแล้ว กลับบอกว่าต้องให้พระมหินทราธิราชกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ออกมากราบถวายบังคมด้วย จึงจะรับเป็นพระราชไมตรีด้วย
     สมเด็จพระมหินทราธาชเสียพระทัยมากที่ถูกหลอก แต่ไม่เสียกำลังพระทัย เพราะยังมีแม่ทัพรองลงมา อาสาจะต่อสู้กับกองทัพพม่า พอฤดูฝนมาถึง กองทัพพม่าก็ยังไม่สามารถเอาชนะกรุงศรีอยุธยาได้ พระเจ้าบุเรงนอง มีรับสั่งให้พระมหาธรรมราชาเข้าเฝ้า แล้วคิดอุบายให้เอาพระยาจักรีที่นำไปเป็นตัวประกันในคราวสงครามช้างเผือกเข้าไปเป็นไส้ศึกในกรุงศรีอยุธยา
     ทางอยุธยาเสียรู้พม่า จึงตั้งพระยาจักรีเป็นแม่ทัพใหญ่มาบัญชาการรบ ในที่สุดจึงพ่ายแพ้ต่อกองทัพพม่าในที่สุด เมื่อ วันอาทิตย์ แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีมะเส็ง พ.ศ.2112 (พงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ)

     พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง เมื่อได้กรุงศรีอยุธยาแล้วได้กวาดต้อนคนไทยไปเป็นเชลยเป็นจำนวนมาก เหลือไว้ให้อยู่ประจำเมืองเพียง 1 หมื่นคน ส่วนสมเด็จพระมหินทราธิราช และพระมเหสี ตามเสด็จไปประทับยังกรุงหงสาวดีด้วย แต่สมเด็จพระมหินทราธิราชได้ประชวรหนัก สวรรคตเสียกลางทาง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

กรมหลวงโยธาเทพ

กรมหลวงโยธาเทพ ภายหลังออกพระนามว่า สมเด็จพระรูปเจ้า มีพระนามเดิมว่า พระสุดาเทวี (คำให้การชาวกรุงเก่า) หรือ เจ้าฟ้าสุดาวดี (พ.ศ. 2199—2278) เ...