วันพุธที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

สมเด็จพระเจ้าเสือ

สมเด็จพระเจ้าเสือ (พ.ศ.2246-2251)
     พระเจ้าเสือ หรือ สมเด็จพระสรรเพชญที่ 8 พระราชสมภพเมื่อ พ.ศ.2205 ที่จังหวัดพิจิตร (วัดโพธิ์ประทับช้าง) มีนามเดิมว่า “เดื่อ” รับราชการในกรมช้างตั้งแต่เล็ก ในตำแหน่ง หลวงสรศักดิ์ พระองค์เป็นบุตรบุญธรรมของพระเพทราชาเจ้ากรมช้าง ว่ากันว่าพระองค์ทรงเป็นโอรสลับพระนารายณ์กับธิดาพญาแสนหลวง ต่อมาพระองค์ ทรงดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวร (วังหน้า) ในสมัยพระเพทราชา
     เมื่อกรมพระราชวังบวร (หลวงสรศักดิ์) ทรงทราบว่า สมเด็จพระเพทราชามอบเวนพระราชสมบัติให้กับเจ้าพระพิไชยสุรินทร์พระราชนัดดา จึงไม่ยอมเสด็จลงมายังพระราชวังหลวง ส่วนพระพิไชยสุรินทร์เกรงบารมีหลวงสรศักดิ์มาก ไม่กล้ารับราชสมบัติ และ ได้มอบราชสมบัติให้กับหลวงสรศักดิ์ต่อไป (โดยมามอบถึงพระราชวังบวรสถานมงคล)
     หลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แล้ว ทรงโปรดให้ เจ้าฟ้าเพชรพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ขึ้นเป็น กรมพระราชวังบวรสถานมงคล และ เจ้าฟ้าพรพระราชโอรสพระองค์น้อยขึ้นเป็นพระบัณฑูรน้อย
     ต่อมาทรงโปรดให้สร้างวัดโพธิ์ประทับช้างขึ้นที่มีพระประสูติกาลนั้น ณ แขวงเมืองพิจิตร

สมเด็จพระเจ้าเสือ

     กรมหลวงโยธาเทพพระอัครมเหสีฝ่ายซ้ายของพระเพทราชาเกรงว่า ตรัสน้อยซึ่งเป็นพระราชโอรสอาจมีภัยเช่นเจ้าพระขวัญ จึงให้ทรงผนวชเป็นภิกษุตลอดชีวิต
     พระเจ้าเสือเสด็จไปคล้องช้างป่ากลางฤดูฝนที่แขวงเมืองนครสวรรค์ และค่ายที่ประทับกับค่ายล้อมช้างมีบึงใหญ่ขวางอยู่ จึงตรัสสั่งเจ้าฟ้าเพชรกับเจ้าฟ้าพร ให้เกณฑ์คนถมถนนข้ามบึงใหญ่นั้นไป ให้เสร็จภายในคืนเดียว เมื่อถนนเสร็จแล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จทรงช้างต้น ครั้นไปถึงกลางบึงที่นั่นเป็นหล่มลึกการถมไม่สู้แน่น เท้าหน้าช้างต้นเหยียบแล้วจมลงไปแล้วกลับขึ้นได้ ทำให้ทรงพระพิโรธ แก่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ ดำรัสว่าอ้ายสองคนนี้มันเห็นว่ากูแก่ชราแล้ว จึงชวนกันคิดเป็นกบฏ ทำเป็นพรุหล่มไว้ หวังจะให้ช้างกูขี่นี้เหยียบถลำหล่มล้มลง แล้วมันจะชวนกันฆ่ากูเสีย หมายจะเอาราชสมบัติ แล้วขับพระคชาธารข้ามไปจนถึงฝั่ง เมื่อเจ้าฟ้าเพชรและเจ้ฟ้าพรตามมาถึง พระเจ้าเสือได้ฟันเจ้าฟ้าเพชรด้วยพระแสงของ้าว แต่เจ้าฟ้าพรได้เอาด้ามพระแสงของ้าวขึ้นรับไว้ และพากันขับช้างพระที่นั่งหนีไป
     จึงมีพระราชโองการประกาศว่า ท่านทั้งหลายจงช่วยกันติดตามจับเอาตัวอ้ายกบฏสองคนมาให้เราจนได้ ต่อมาข้าราชการทั้งหลายได้ติดตามไปพบพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์จึงนำมาถวาย ณ ค่ายหลวงจึงมีพระราชดำรัสให้ลงพระราชอาญาเฆี่ยน 30 ทีแล้วให้พันธนาการไว้ ตอนหลังกรมพระเทพามาตย์ทูลขออภัยโทษให้ พระเจ้าเสือก็ทรงยกโทษให้
     พระเจ้าเสือทรงโปรดการประพาสตกปลา และชกมวย ครั้งหนึ่งเสด็จไปสมุทรสาคร ผ่านคลองโคกขาม นายท้ายเรือพระที่นั่งชื่อ “พันท้ายนรสิงห์” คัดท้ายเรือไม่ดี หัวเรือชนต้นไม้หัก ตามกฎมณเฑียรบาล นายท้ายเรือต้องถูกประหาร แต่พระเจ้าเสือทรงมีเมตตาต่อพันท้ายนรสิงห์ จะไม่เอาโทษ แต่พันท้ายนรสิงห์ขอให้ประหารชีวิตตนเพื่อรักษากฎหมาย
     ต่อมาทรงให้ขุดคลองโคกขามที่เดิมนั้นคดเคี้ยวมากให้ตรงขึ้น ทำให้สัญจรได้สะดวกมากขึ้น ทรงให้ขุดคลองมหาชัย เชื่อมระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำท่าจีน

     สมเด็จพระเจ้าเสือทรงประชวรอยู่ ณ พระที่นั่งสุริยามรินทร์ ทรงมอบราชสมบัติให้กรมพระราชวังบวรสถานมงคล แล้วสวรรคต ปี พ.ศ.2251 พระชนมายุ 46 พรรษา ครองราชย์นาน 5 ปี

(ขอบคุณภาพจากข่าวสด)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

กรมหลวงโยธาเทพ

กรมหลวงโยธาเทพ ภายหลังออกพระนามว่า สมเด็จพระรูปเจ้า มีพระนามเดิมว่า พระสุดาเทวี (คำให้การชาวกรุงเก่า) หรือ เจ้าฟ้าสุดาวดี (พ.ศ. 2199—2278) เ...