วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ

พระเจ้าบรมโกศ (พ.ศ.2275-2301)
     พระเจ้าบรมโกศ ทรงเป็นโอรสพระเจ้าเสือ และเป็นพระอนุชาพระเจ้าท้ายสระ จัดว่าเป็นพระมหากษัตริย์ระดับ “พระจักรพรรดิ” เลยทีเดียว ในรัชสมัยของพระองค์บ้านเมืองสงบสุขร่มเย็น ประเทศใกล้เคียงยังไม่กล้ามาทำสงครามเพราะเกรงพระบารมี
      พระองค์มีพระอัครมเหสีคือกรมหลวงอภัยนุชิตมีพระราชโอรสคือเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร (กรมขุนเสนาพิทักษ์) พระมเหสีคือกรมหลวงพิพิธมนตรี มีพระราชโอรสคือเจ้าฟ้าเอกทัศน์ (กรมขุนอนุรักษ์มนตรี) และเจ้าฟ้าอุทุมพร (กรมขุนพรพินิต)


พระเจ้าบรมโกศ

     ขณะที่พระเจ้าท้ายสระเสด็จสวรรคต วังหลวงกับวังหน้าได้ตั้งค่ายเผชิญหน้ากัน เหตุการณ์มีดังนี้ สงครามเกิดขึ้นหลายเพลา วังหลวงกับวังหน้าผลัดกันแพ้ชนะ ขุนชำนาญเป็นนายทัพวังหน้า วังหลวงมีพระธนบุรีเป็นนายทัพ ในที่สุดวังหน้าเป็นฝ่ายชนะ ขุนชำนาญตัดศรีษะพระธนบุรีได้ เจ้าฟ้าอภัย และ เจ้าฟ้าปรเมศวร์ถูกตามจับตัวได้ และถูกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์
      หลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์แล้ว โปรดให้เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล
      ในรัชสมัยของพระองค์พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาก กษัตริย์ลังกาได้ส่งราชทูตมาขอพระเถระ เพื่อไปฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในลังกา ซึ่งเสื่อมโทรมลงไป จึงเป็นที่มาของสยามนิกาย และใช้เวลาฟื้นฟูอยู่ 7 ปี และมีกวีคนสำคัญเช่นเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร
     ต่อมากรมพระราชวังบวรลอบทำชู้กับเจ้าฟ้านิ่มและเจ้าฟ้าสังวาลย์ ซึ่งเป็นพระชายาของพระเจ้าบรมโกศ สอบสวนแล้ว กรมพระราชวังบวร รับเป็นสัตย์ ทรงให้เฆี่ยน 230 ที และให้ถอดเสียจากเจ้าเป็นไพร่ แต่กรมพระราชวังบวรทนได้แค่ 180 ทีก็สิ้นพระชนม์ เจ้าฟ้าสังวาลกับเจ้าฟ้านิ่ม ทรงให้เฆี่ยน 30 ทีแล้วถอดเป็นไพร่แล้วจำไว้จนกว่าจะตาย
     ได้มีการเสนอให้เจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิตให้เป็นพระมหาอุปราช ฝ่ายเจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิจเห็นว่าควรให้เจ้าฟ้ากรมขุนอนุรักษ์มนตรี พระเชษฐาจะดูเหมาะสมกว่า
     จึงมีพระราชโองการตรัสว่า กรมขุนอนุรักษ์มนตรีนั้นโฉดเขลาหาสติปัญญาและความเพียรมิได้ ถ้าดำรงตำแหน่งนี้จะทำให้บ้านเมืองเกิดภัยพิบัติฉิบหายเสีย เห็นแต่กรมขุนพรพินิต กอปรด้วยสติปัญญาเฉลียวฉลาดหลักแหลม สมควรจะดำรงเศวตฉัตรครองสมบัติรักษาแผ่นดินสืบไป
     จึงดำรัสสั่งเจ้าฟ้ากรมขุนอนุรักษ์มนตรีว่า จงไปบวชเสียอย่าให้กีดขวาง เจ้าฟ้ากรมขุนอนุรักษ์มนตรีไม่อาจขัดพระราชโองการได้จึงไปผนวชที่วัดละมุด ปากจั่น
     ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดให้ทำพระราชพิธีอุปราชาภิเษก  ณ พระที่นั่งสรรเพชรปราสาท อัญเชิญเจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิจ เถลิงถวัลย์ราชย์ ณ ที่กรมพระราชวังบวรฯ

     พระเจ้าบรมโกศทรงพระประชวรหนัก ตรัสมอบราชสมบัติแก่กรมพระราชวังบวร เสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ.2301 พระชนมายุได้ 78 พระพรรษา เสด็จดำรงราชสมบัติอยู่ได้ 26 ปี

(ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

กรมหลวงโยธาเทพ

กรมหลวงโยธาเทพ ภายหลังออกพระนามว่า สมเด็จพระรูปเจ้า มีพระนามเดิมว่า พระสุดาเทวี (คำให้การชาวกรุงเก่า) หรือ เจ้าฟ้าสุดาวดี (พ.ศ. 2199—2278) เ...