สมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ.2199-2231)
สมเด็จพระนารายณ์ทรงเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
พระราชสมภพ พ.ศ.2175 มีพระขนิษฐาร่วมพระมารดาคือพระราชกัลยาณี พระราชมารดาคือเจ้าฟ้าหญิงสิริกัลยาณี
หรือ พระนางสิริธิดา
สมเด็จพระนารายณ์ได้รับการสนับสนุนให้ขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ.2199
ขณะมีพระชนมายุ 24 พรรษา เนื่องจากทรงเป็นถึงเจ้าฟ้า ที่ประสูติภายใต้เศวตฉัตร
พระนามเดิมเจ้าฟ้านรินทร์ จึงมีผู้ให้ความเคารพนับถือ และสนับสนุนเป็นจำนวนมาก
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช |
ขณะทรงพระเยาว์ พระนางศิริธิดา พระราชเทวีสิ้นพระชนม์ด้วยโรคฝีดาษ
(บางฉบับว่าตกพระโลหิตหลังจากประสูติพระธิดาแล้วสวรรคต) พระเจ้าปราสาททองจำต้องหานางนมที่จะคอยดูแลพระโอรสและพระธิดาซึ่งยังทรงพระเยาว์อยู่มาก
ทรงรำลึกได้ว่ามีญาติห่าง ๆ อยู่คนหนึ่งอยู่ใกล้วัดดุสิต ตำบลสวนพลู
แขวงเมืองสุพรรณบุรี
ญาติผู้นี้มีภรรยาสองคน
คนแรกชื่อบัว (เจ้าแม่วัดดุสิต)มีบุตร 3 คน คือ บุตรชายคนโตชื่อเหล็ก (โกษาเหล็ก)
คนที่สองเป็นหญิงชื่อแช่ม (ท้าวศรีจุฬาลักษณ์) คนที่สามชื่อปาน (โกษาปาน)
คนที่สองชื่อเปรม
มีบุตรชายคนหนึ่ง ต่อมา คือ พระเพทราชา มีอายุไล่เลี่ยกันกับ เหล็กและปาน
พระเจ้าปราสาททองมีพระราชบัญชาให้หญิงหม้ายทั้งสองเข้ามาอยู่ในพระบรมมหาราชวัง
เพื่อถวายการเลี้ยงดูพระโอรสและพระธิดา ทำให้ลูก ๆ ของนางทั้งสองได้เติบโตมาพร้อม
ๆ กับสมเด็จพระนารายณ์ และมีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างมาก เรียกว่าเป็นพระสหายก็ย่อมได้
ต่อมาสมเด็จพระนารายณ์โปรดให้ท่านเหล็กเป็น พระยาโกษาเหล็ก
ท่านปานเป็นพระยาโกษาปาน พระเพทราชาเป็น เจ้ากรมพระคชบาล
ปี พ.ศ.2200 มีฝรั่งเชื้อชาติกรีกเป็นนายกำปั่นคนหนึ่งได้เข้ามารับราชการด้วย มีชื่อว่า คอนแสตนตินฟอลคอน (วิไชเยนทร์)
คนผู้นี้มีความฉลาดรอบรู้ จึงโปรดให้เป็นหลวงวิไชเยนทร์
ตอนหลังรับราชการก้าวหน้าจึงโปรดให้เป็น พระยาวิไชเยนทร์
ปี พ.ศ.2204
ทรงทำสงครามครั้งแรกกับเชียงใหม่ ขณะนั้นเป็นเมืองขึ้นพม่าแต่ไม่สำเร็จ
ต่อมาทางพม่ามีศึกภายใน จึงมีรับสั่งให้พระยาโกษาเหล็กเป็นแม่ทัพ
และพระองค์ทรงเป็นทัพหลวง เตรียมตีเมืองเชียงใหม่อีกครั้ง
และตีได้เมืองเชียงใหม่ในเวลาต่อมา สมเด็จพระนารายณ์ประทับที่เชียงใหม่ได้ 15 วัน จึงเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยา โดยนำตัวพญาแสนหลวงและครอบครัวลงมาด้วย
ระหว่างทางทรงมีสัมพันธ์กับธิดาพญาแสนหลวง
เมื่อเสด็จถึงกรุงศรีอยุธยานางได้ตั้งครรภ์ขึ้นมา ด้วยความละอายเกรงการครหาจึงพระราชทานธิดาพญาแสนหลวงให้พระเพทราชา
ปี พ.ศ.2205
สมเด็จพระนารายณ์เสด็จขึ้นไปนมัสการพระพุทธชินราชที่เมืองพิษณุโลก
พระเพทราชาเจ้ากรมพระคชบาลได้จัดขบวนพยุหยาตราถวาย และได้ตามเสด็จฯไปในขบวนโดยมี “นางพระราชทาน”
ที่มีครรภ์แก่ผู้เป็นภรรยาร่วมกระบวนช้างไปด้วย
เมื่อเสด็จถึงบ้านโพธิ์ประทับช้าง นางพระราชทานเจ็บครรภ์จะคลอด
จึงทรงพระกรุณาให้หยุดกระบวนช้างพระที่นั่ง
ที่มีต้นโพธิ์และต้นมะเดื่อใหญ่ขึ้นอยู่ นางพระราชทานคลอดทารกเพศชาย
สมเด็จพระนารายณ์ พระราชทานนามทารกว่า “เดื่อ”
รัชสมัยของพระนารายณ์
เป็นยุคทองของวรรณคดี ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง สมุทรโฆษคำฉันท์ มีกวีที่มีชื่อเสียงคือ
ศรีปราชญ์
สมเด็จพระนารายณ์ทรงสร้างเมืองลพบุรีขึ้นเป็นราชธานีแห่งที่สอง
ทรงโปรดเมืองลพบุรี เพราะอยู่ลึกและดูปลอดภัยกว่า
ทั้งยังสนองพระราชอัธยาศัยในกีฬาล่าสัตว์ เสด็จไปประทับปีละ 8-9 เดือน
สมเด็จพระนารายณ์ทรงโปรดการติดต่อกับชาวต่างชาติ เช่น จ้างทหารญี่ปุ่น
ทหารโปรตุเกส ทหารอังกฤษ ทหารฝรั่งเศส เพื่อเข้าช่วยรบในยามศึกสงคราม สมุหนายกของพระองค์เป็นชาวกรีก
มีชาวเปอร์เซียเข้ามารับใช้ด้วย
ต่อมาสมเด็จพระนารายณ์
ได้ส่งทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส
กบฏแขกมักกะสัน คือพวกแขกที่หนีการยึดครองของฮอลันดาเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร
ต่อมาเกิดวางแผนฆ่าพระเจ้าแผ่นดินสยาม เพื่อยกเจ้านายของตนขึ้นเป็นกษัตริย์
แต่ไม่สำเร็จเพราะแผนการรั่วไหล จึงลงเรือหนีออกทะเล รวม 50 คน ฟอร์แบง
แม่ทัพเรือได้รับคำสั่งจากกรุงศรีอยุธยาให้สะกัดจับ ในการต่อสู้ฟอร์แบงฆ่ากบฏได้ 17
คน ไทยเสียชีวิตไป 366 คน เนื่องจากกบฏเป็นพวกอำมหิต บ้าบิ่น โหดร้าย ต่อมาฟอร์แบงได้ขอกลับฝรั่งเศสในเวลาต่อมา
ปี พ.ศ.2230
สมเด็จพระนารายณ์ทรงพระประชวรเรื่อยมา ประทับแต่ในพระราชวังจังหวัดลพบุรี โดยมีพระปีย์
พระราชโอรสบุญธรรมคอยเฝ้าถวายการปรนนิบัติ ตอนนี้อำนาจตกอยู่ในมือพระเพทราชา
โดยมีหลวงสรศักดิ์ (เดื่อ)เป็นผู้ช่วยสำคัญ
ฝ่ายเจ้าพระยาวิไชเยนทร์
ตอนนี้ไม่มี ฟอร์แบง อยู่ด้วย รู้ตัวดีว่าถ้าสมเด็จพระนารายณ์สวรรคตเมื่อใด
พวกขุนนางจะต้องหาทางกำจัดตนแน่ และแล้วเหตุการณ์ต่อมา
พระยาวิไชเยนทร์ถูกจับไปประหารชีวิต พระปีย์ถูกลอบสังหาร แม้แต่พระอนุชาของสมเด็จพระนารายณ์ยังถูกสำเร็จโทษ เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ทรงทราบ
และรู้ว่าผู้ก่อการคือสองพ่อลูก คือ พระเพทราชากับหลวงสรศักดิ์ แต่ทรงทำอะไรไม่ได้เนื่องจากทรงพระประชวรหนัก
และเสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ.2231 รวมพระชนมายุ 56 พรรษา ครองราชย์นาน 32 ปี เป็นอันสิ้นราชวงศ์ปราสาททอง
(ขอบคุณภาพจากผู้จัดการออนไลน์)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น